#umaywrite

ของปี 2020 เสร็จเเล้ว เย้

05 ผี

หมู่นี้ฟั่นถ่งรู้สึกแปลก ๆ

ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหนก็คล้ายกับว่ามีใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกชวนขนลุกนี้เกิดขึ้นเเม้กระทั่งตอนเขาอยู่ในห้องน้ำ หลังเจอมาหลายวันติดฟั่นถ่งก็ชักคิดจริงจังเเล้วว่ามันไม่ปกติ

ในฐานะคนเรียนเอกพยากรณ์ที่เชื่อในไสยศาสตร์เขาสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างมากว่ามีของไม่ดีตามตัวเขาอยู่ ดวงเขาเองก็ย่ำเเย่จึงอาจดึงดูดมันมาก็ได้ คิดเเล้วจึงไปหาเพื่อนในเอกที่เชี่ยวชาญเรื่องดังกล่าวเเล้วก็ต้องหวั่นวิตกเมื่อเพื่อนคนนั้นบอกไม่เห็นอะไรเลย

หรือว่าเจ้าสิ่งนี้มันร้ายกาจกว่าที่คิด?

ดังนั้นฟั่นถ่งจึงไปไหว้ศาลเจ้าชื่อดัง เอาสายสินจน์มาคล้องรอบห้องไว้ เเปะยันต์ไว้ที่ประตู เเถมยังเอาน้ำมนต์ใส่ขวดสเปรย์พ่นไปทั่วห้องอีก ทว่า…. เจ้าสิ่งนั้นกลับยังคงอยู่

ไม่จบเพียงเท่านั้น มันยังมาหนักขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายกับเยาะเย้ยในความพยายามนั้น

กลางดึกเขามักได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปเดินมาทั้งที่ห้องเขาอยู่ชั้นห้า บางครั้งก็คล้ายเห็นเงาดำสะท้อนในกระจกทว่าเมื่อหันไปมองกลับไม่พบอะไร ฟั่นถ่งชักนอนไม่หลับ ขอบตาดำลึกจนเพื่อนร่วมเอกร้องทัก ทว่าไม่มีใครเห็นสิ่งผิดปกติในตัวฟั่นถ่งเลยสักคน

ฟั่นถ่งได้เเต่ปลอบใจตัวเอง

เขามาเรียนมหาลัยห่างไกลจากตัวบ้านจึงได้เเต่เช่าห้องถูก ๆ อยู่ในหอพัก ใครเล่าจะไปรู้ว่าจะมีผีอยู่ในหอ เเต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโชคดีอยู่อีกไม่กี่วันหลังสอบปลายภาคฟั่นถ่งก็จะปิดเทอมเเล้ว พอได้ปิดเทอมก็จะได้กลับบ้าน ไม่ต้องทนอยู่หอชวนขนลุกนี่อีก

ทนไปเเค่วันสองวันเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไป

เขาอดทนเช่นนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งหลังกลับจากไปเรียนในห้องเขามีร่องรอยถูกรื้อค้น ข้าวของกระจัดกระจายโดยเฉพาะเสื้อผ้า ทว่าประตูเเละบานหน้าต่างกลับปิดสนิท เเถมยังไม่มีใครอยู่ในห้องอีก ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนทำ….

เเค่คิดก็เสียวหลังวาบเเล้ว วินาทีนั้นฟั่นถ่งไม่สนค่าหออีกต่อไป

เขาวิ่งหน้าตั้งไปเคาะประตูห้องเพื่อนอีกคนอย่างบ้าคลั่งตามตื้อขอค้างด้วย โชคดีที่อีกคนยอมเเต่โดยดี เเถมยังให้คำปรึกษาอย่างอ่อนโยนอีกด้วย

ในที่สุดฟั่นถ่งก็เชิญนักพรตผมขาวมาปัดเป่าที่หอพักของตน ทว่าในยามที่อีกฝ่ายเข้ามาในห้องกลับบอกว่าที่นี่ไม่มีอะไรผิดปกติซะอย่างนั้น

ฟั่นถ่งได้เเต่อ้อนวอนขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยเเก้ปัญหา ยอมรับว่าไม่ไหวกับผีตนนั้นเเล้วจริงๆ นักพรตหาวใส่อย่างเย็นชา เเค่นเสียงใส่เขาทีหนึ่งเเล้วให้ยันต์หน้าตาประหลาดมาบอกให้เขาแปะหน้าต่างเอาไว้

เขาทำตามที่อีกฝ่ายเเนะนำเเปะยันต์เเผ่นนั้นไว้ที่กระจก เเล้วกลางดึกคืนนั้นเองก็ต้องสะดุ้ง

ตื่นเพราะเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของอะไรบางอย่าง ฟั่นถ่งเเทบกริ้ดเมื่อเจอเงาดำอยู่ข้างหน้าต่าง เเต่เมื่อเปิดไฟนั่นเอง….

“………”

ความจริงเปิดเผยออกมาซะเดี๋ยวนั้นมิน่ายันต์ของขลังถึงไม่ได้ผล มิน่าเพื่อนร่วมเอกถึงบอกช่วยไม่ได้ ผีตนที่ระรานเขามาหลายวันปรากฏตัวขึ้นมากลับเหนือความคาดหมายไปมาก…. มากจริงๆ

ฟั่นถ่งมองผีด้วยสายตาปลาตายขณะที่อีกฝ่ายตะกายอยู่ที่พื้นระบายยิ้มกลบเกลื่อน เขากำยันต์ที่นักพรตให้เมื่อกลางวันยับยู่อยู่ในมือ รู้สึกอยากปาใส่ตัวอัปมงคลให้มันออกไปจากห้องซะเดี๋ยวนี้

เสียเเรงกายเเรงใจไปมากมายไหนเลยจะรู้ว่าเขาขับไล่ผีนี่มาผิดวิธีมาตลอด น้ำมนต์เอย สายสินจน์เอยจะไปได้ผลได้ยังไงในเมื่อเจ้าผีหน้าไม่อายนี่มันไม่ใช่ “ผี” แบบเดียวกับที่เขาคิด

สำหรับเจ้า “ผีลามก” นี่ใช้กำลังกายล้วนๆ ก็ขับไล่ไปได้เเล้ว

06 บันทึก

นาร์ซีชอบจดบันทึกลงไดอารี่เป็นประจำ ถึงแรกเริ่มเป็นเพราะพี่ชายตัวดีเป็นคนชวนเมื่อครั้นสมัยเด็กจึงจำใจเขียน แต่ต่อมานิสัยเขียนบันทึกนั่นก็กลายเป็นความเคยชิน ดังนั้นแม้จะยุ่งยังไงเขาก็มักเขียนบันทึกประจำวันก่อนนอนเสมอ

เเต่ช่วงนี้มีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นหลายอย่าง

ทำเอาเขาลืมเก็บบันทึกไว้ในที่ที่ควรจะไว้ ดังนั้นใครบางคนที่เข้ามาหานาร์ซีที่ห้องหนังสือจึงเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ควรเห็นเข้า

เย่ทุ่ยมองหน้ากระดาษที่ถูกปากกากดจนทะลุด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะปิดบันทึกลงไปที่เดิม บนบันทึกล่าสุดของนาร์ซีได้เขียนคำสั้นๆ ไว้เพียงคำเดียว

สงสัยว่าซิลเวอรัสต้องไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกเเน่… ควรฉวยโอกาสนี้รีบออกไปก่อนนาร์ซีจะกลับมาดีกว่า

07 หลง

ตอนเข้าม. T ครั้งเเรกเขาเคยหลงทาง เเต่โชคดีที่เขาได้พบกับคนใจดีคนหนึ่งช่วยนำทางให้

หลังจากนั้นพอสอบเข้าม. T ได้สำเร็จเขาก็มักเจอกับคนคนนั้นอยู่เรื่อย ทุกครั้งที่เจอเขามักเเกล้งทำเป็นหลงทางเพื่อให้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้น นานวันอีกฝ่ายจึงเชื่อว่าเขาขี้หลงทางจริงๆ

“เสี่ยวจิน หลงทางอีกเเล้วเหรอ?”

ถึงพูดเเบบนั้นเเต่เจ้าตัวก็ไม่เคยทิ้งเขาลงคอ ใจดีมากจริงๆ

อันที่จริงจินซื่อไม่ใช่คนขี้หลงทางหรอก เพราะเขาหลงอย่างอื่นมากกว่า

โดยเฉพาะเมื่อเห็นรอยยิ้มของรุ่นพี่

อย่าน่ารักให้มันมากจะได้ไหมครับ แค่ทุกวันนี้ก็หลงรักคุณจะตายอยู่เเล้ว ❤

08 พกพา

บางทีเจี้ยงเฟิงก็อยากทำอะไรบ้าๆ อย่างเช่นสาปเพื่อนให้เป็นถังข้าวจิ๋ว เเต่คิดอีกทีก็ต้องเปลี่ยนใจ ขืนทำแบบนั้นมีหวังฟั่นถ่งโกรธจนไม่คุยกับเขาเเน่ แล้วภาพพจน์เพื่อนเเสนดีอย่างจวงหว่านเกาจะพังพินาศในพริบตา

แต่แค่นึกภาพถังข้าวตัวเล็กงอแงขอให้ช่วยเเล้วมันก็อดใจไม่ค่อยอยู่มือไม้สั่นอยากทำเสียทุกที

ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้มีคนจ้องข้าวในถังมากเกินไปเเล้ว ภาพลักษณ์ดีงามเขาเริ่มปริเเตกไปทุกวัน ได้เเต่ท่องขันติในใจ

ถ้าสาปฟั่นถ่งให้เป็นถังข้าวจะดีเเค่ไหนนะ จะได้พกใส่กระเป๋าเสื้อไปได้ทุกที่

09 เผา

ลั่วซื่อพึ่งได้รู้จักกับไป๋อี้เหรินผ่านฟั่นถ่งไม่นาน ตอนเเรกเขาคิดว่าตนกับอีกฝ่ายเป็นคนคนล่ะประเภทอย่างสิ้นเชิง คาดไม่ถึงว่าภายในเวลาไม่นาน ลั่วซื่อกับไป๋อี้เหรินกลับสนิทกันได้ซะอย่างนั้น สาเหตุก็เป็นเรื่องง่ายๆ…

“ฟั่นถ่งไม่ยอมพูดอะไรเลย นายพอรู้อะไรรึเปล่า?”

“หือ ได้ยินเเง้มๆ มาบ้างนิดหน่อย ว่าเเต่ทางนั้นได้ข่าวซิลเวอรัสมาใช่ไหม”

“ใช่เเล้ว….”

ร่วมช่วยกันเเลกเปลี่ยนเผือกเรื่องฟั่นถ่ง เผาเพื่อนวงในกันเองเนี่ยเเหละ จุดร่วมของพวกเขา

10 ที่สอง

ชีวิตนี้เขาไม่เคยเป็นที่สอง เเต่พอเทียบกับพี่ชายเขาเเล้วเขากลับเป็นที่สองเสมอ

ไม่สิ บางทีอย่าว่าเเต่ที่สองเลย เขาเป็นคนในสายตารึเปล่าเนี่ยสิ คือปัญหา

แต่เร็วๆ นี้ หลานชายเองก็ยกเขาอยู่รองจากเพื่อนสนิทตัวเองด้วยเช่นกัน

เลี่ยซุยเศร้ามาก ทำไมเขาเป็นคนนอกตลอดเลยอ่ะ

11 ล่องหน

ไป๋อี้เหรินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องหน

มองดูเพื่อนสองคนสวีทกันในเเชทไม่เห็นหัวตัวเองเเล้วเขาไม่รู้ว่าควรเอ่ยเเทรกเข้าไปเรียกร้องความสนใจหรือเชียร์ให้คนซื่อบื้อรู้ตัวเสียที

และเมื่อส่งข้อความลงในเเชทกลับถูกสองคนนั้นเมินตามคาด

มองโปรไฟล์ลูกเดือยของตัวเองเเล้วถอนหายใจ ถ้วยฟูจะกินข้าวเขาจะไปทำอะไรได้ ยังไงเสียเขาก็เป็นเเค่กขค.ตัวประกอบล่องหนอยู่วันยังค่ำ ขอเเค่พี่จวงสมหวังเมื่อไหร่ไม่ลืมเลี้ยงข้าวเขาก็พอเเล้ว

12 ทิ้ง

ซิลเวอรัสเเทบจะร้องเพลงคุกเข่าอยู่เเล้วเมื่อถูกสายตาเย็นชาของฟั่นถ่งมองมา

“นายปีนเข้าห้องฉันมาทำไม”

“เค้าเเค่มาปลดล็อคบล็อคไลน์ตัวเองเฉยๆ เองนะ” เขาอยากจะร้องไห้เเต่ไม่มีน้ำตาเพราะถูกฟั่นถ่งมองด้วยสายตาเหยียดหยาม

“เเล้วเรื่องของที่หายไปนั่นอะไร?”

“หา?”

“เรื่อง… ของพวกนั้นน่ะ นายเอาไปทำไม” ฟั่นถ่งชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าขณะที่เขางงกว่าเดิม “กางเกงในฉันหายไปไหน??”

ซิลเวอรัสสมองว่างเปล่า “โทษนะ เมื่อกี้พูดว่าอะไรหายนะ”

“ชั้นใน!” ฟั่นถ่งหน้าเเดงเทือกไม่รู้เพราะเขินหรือเลือดขึ้นหน้า เเต่ที่เเน่ๆ เขาเริ่มได้กลิ่นเเปลกๆ

“ฟั่นถ่ง”

ซิลเวอรัสที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดทำหน้าจริงจัง “ฉันไม่ได้โรคจิตขนาดขโมยชั้นในนายหรอกนะ อีกอย่างนี่เป็นครั้งเเรกที่ฉันเข้าห้องนาย”

“ครั้งเเรก??? อย่ามาตอเเหลหน่อยเลยถ้าไม่ใช่นายเเล้วใคร…”

“ฉันเปล่าจริงๆ นะ ปกติพวกเราก็เเบ่งเสื้อผ้ากันใส่อยู่เเล้ว กับอีเเค่ชั่นในถ้าฉันจะเอาอ่ะง่ายนิดเดียว” ซิลเวอรัสหยิบกุญเเจห้องเป็นหลักฐาน “ฉันก็อบกุญเเจห้องนายไว้ ลืมเเล้วเหรอ”

“…” ฟั่นถ่ง

ถ้าจับหมอนี่โยนทิ้งไปตอนนี้จะทันไหมนะ?

13 เรื่องตลก

นาร์ซีรู้สึกว่าชีวิตตนเองเหมือนตลกร้าย ถ้าชีวิตที่ผ่านมาพลิกผันยิ่งกว่าละครหลังข่าวเเล้วละก็ ตอนนี้เขาก็คงเป็นตัวร้ายในละครน้ำเน่ากระมัง

มองดูโปรไฟล์คุ้นตาในเเชทเเล้วเขาได้เเต่ถอนหายใจ มองภาพคนคนนั้นเนิ่นนานอยู่เเบบนั้น

ทั้งที่เคยเเซะคนอื่นไว้มากมายเเต่พอถึงคราว

ตัวเองเเล้วเขากลับพูดอะไรไม่ออกเเม้เเต่ครึ่งคำ เเถมไม่กล้าเข้าหาเหมือนคนอื่นเขาด้วย…

ช่วยไม่ได้… ใครใช้ให้เขาตกหลุมรักชายคนเดียวกับพี่ชายละ

เเถมคู่เเข่งยังเยอะอีก ยิ่งไปกว่านั้นญาตผู้น้องคนสำคัญของเขาก็กำลังตามจีบฝ่ายนั้นอยู่ด้วย

นาร์ซีได้เเต่หัวเราะเยาะชีวิตรักตนเองที่เเม้ยังไม่ทันเริ่มก็จบลงเสียเเล้ว

14 เพื่อนบ้าน

ตอนที่ไอยาสย้ายมาบ้านของพ่อบุญธรรมตอนอายุ 15 เขาอึ้งกับคฤหาสน์ใหญ่โตตรงหน้ามาก แต่ที่อึ้งกว่าคือบ้านข้างๆ ที่ใหญ่โตเสียยิ่งกว่าวัง

ไอเลอสันไม่ค่อยพูดถึงเพื่อนบ้านเท่าไหร่ เพียงเเค่บอกว่าในนั้นเป็นคนในตระกูลหลักที่ไม่ค่อยคลุกคลีกับพวกเขา ท่าทีแปลกๆ นั่นทำให้เขาสงสัยเเล้ววันหนึ่งตอนอายุ 19 เขาก็รู้เข้าว่าลูกชายเเท้ๆ ของอีกฝ่ายถูกรับเลี้ยงในบ้านใหญ่โตหลังนั้น

เพื่อลูกชายเเท้ๆ ของผู้มีพระคุณ ไอยาสเลยเเฝงตัวเข้าไปสมัครงานที่บ้านหลังข้างๆ เเต่คาดไม่ถึงว่าเเทนที่จะได้เป็นพ่อบ้านเขาดันได้เป็นคนสวน

“ไล่ออก” ทันทีที่เจ้านายผมทองตัวน้อยเหลือบเห็นต้นไม้ที่ถูกตัดจนเเหว่งก็ตัดสินใจไล่เขาออกทันที ทำเอาเขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาก หวังว่าเจ้าเด็กเวรนี่คงไม่ใช่ลูกชายที่ว่านั่นหรอกใช่ไหม

หลังจากนั้นเพราะเรื่องยุ่งยากบางประการไอยาสเลยกลายเป็นบอดี้การ์ดให้กับเจ้านายน้อยในคฤหาสน์เเห่งนี้ และหลายปีต่อมาในตอนที่เรื่องทุกอย่างคลี่คลาย ลูกชายของไอเลอสัน… เองเกลอร์ น้องชายของเขาก็กลับมาอยู่บ้านตัวเองเเล้วเเต่ก็ไม่วายเทียวไปบ้านหลังข้างๆ เป็นประจำ ขณะที่ตัวเขาก็ได้เปลี่ยนตำเเหน่งจากบอดี้การ์ดไปเป็นผู้บริหารในบริษัทของตระกูล

มองดูบ้านข้างๆ ที่เสมือนเป็นห้องประชุมบริษัทเเล้วไอยาสรู้สึกประหลาดจะว่าไปก็แปลก ตอนพบหน้ากับเพื่อนบ้านครั้งเเรกเขายังรู้สึกว่านาร์ซีเป็นเด็กเวรอยู่เลยเเต่มาตอนนี้เขาดันรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ารักเสียได้

แต่ความในใจน่ะเขาไม่มีทางบอกให้เพื่อนข้างบ้านรู้ตัวหรอก โดยเฉพาะพี่ชายบราค่อนของหมอนั่น มันน่ารำคาญมาก น่ารำคาญมากจริงๆ

15 เสียงข้างห้อง

ก็อก ก็อก ก็อก

ทั้งที่กำเเพงห้องติดกันเเต่อีกฝ่ายกลับชอบเคาะผนังเขาตลอด นาร์ซีชินซะเเล้ว

ถ้าเคาะผนังเเปลว่าให้มาที่ระเบียง

เขาปิดหนังสือที่อ่านค้างไว้ลงเเล้วเดินออกไปก็เห็นเองเกลอร์ตามคาด

“นาร์ซี” อีกฝ่ายยิ้มเขิน “คือว่าช่วยอ่านหนังสือให้หน่อยได้ไหม”

ไม่รู้เพราะอะไรตั้งเเต่สมัยก่อนเเล้วอีกฝ่ายมันมาอ้อนให้เขาอ่านอะไรให้ฟังอยู่เรื่อย นาร์ซีชินเเล้ว แต่ทว่าวันนี้เขากลับสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไป

“เองเกอลร์ มีอะไรรึเปล่า?”

“…เอ๋ อ๋อ ไม่มีอะไรๆ”

ท่าทางเหม่อลอยเเบบนั้นคงจะคิดอะไรอยู่เเน่ๆ

และแล้วเมื่อนาร์ซีอ่านหนังสือให้จนอีกฝ่ายพอใจ กลางดึกคืนนั้นเขาก็ต้องสะดุ้งกับเสียงโครมคราจากห้องข้างๆ

ท่าทางซิลเวอรัสคงไปก่อเรื่องอะไรเเน่ๆ นาร์ซีขมวดคิ้วโทษพี่ชายตัวดีเอาไว้ก่อนเพราะส่วนใหญ่ปัญหาก็มาจากอีกฝ่ายนี่เเหล

แต่ก่อนจะทำอะไรต่อไปคงต้องสั่งหมอนใหม่ให้เองเกลอร์ซะก่อน พรุ่งนี้เขาเชื่อว่าห้องนอนอีกฝ่ายต้องเต็มไปด้วยขนเป็ดปลิวว่อนเหมือนที่ผ่านๆ มาเเน่

นาร์ซีเชื่อว่าอย่างนั้น

16 ที่ทิ้งขยะ

สำหรับจวงหว่านเกาเเล้วที่ทิ้งขยะน่ะคือขุมทรัพย์

เพราะเขาสามารถค้นหาของมีประโยชน์หลายอย่างจากที่นี่ได้ โดยเฉพาะขยะขายได้

เขาไม่กลัวมีใครจับได้จนเสียภาพพจน์เพราะด้วยพลังของเขา คนที่เข้ามาเห็นล้วนถูกลบความทรงจำไปได้ง่ายๆ ทั้งนั้น เว้นเสียเเต่ว่า…

“พี่?”

คนเสียมากมายทำไมต้องเป็นเจ้าน้องโง่มาเห็นสภาพน่าสมเพสของตัวเขาด้วย

จวงหว่านเกาสบถออกมาทั้งที่ไม่เคยทำ

17 หอม

เขาเหมือนกับได้กลิ่นหอมจากที่ไหนสักแห่ง

มันเป็นกลิ่นที่คุ้นมาก คุ้นมากจริงๆ

จนกระทั่งเขาพบต้นตอของกลิ่นนั้นถึงได้รู้

“ฟั่นถ่ง นายขโมยยาสระผมฉันไปใช้อีกเเล้วใช่มั้ย!!?”

18 จันทร์

สำหรับฟั่นถ่งเเล้วบางครั้งเย่ทุ่ยก็เหมือนกับพระจันทร์

บางครั้งก็ส่องสว่างเป็นเเสงนำทาง และบางครั้งก็มืดดับจนมองไม่เห็นสิ่งใด

พระจันทร์ที่เหมือนอยู่ใกล้เเต่กลับไกลเกินกว่าคนบนโลกจะไขว่ขว้าได้

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจันทร์ดวงนั้นอยู่ในวงครจรของโลกของเขา

บางครั้งเขาก็อยากให้อีกฝ่ายตกลงมาบนผืนโลกบ้างจริงๆ

ถ้าบนนั้นมันสูงเกินไป อย่างน้อยอยากให้นายรู้ไว้ว่ายังมีฉันอยู่เคียงข้างเสมอนะ

19 เทป

ปัญหาลี้ลับสิ่งกวนใจในห้องฟั่นถ่งไม่จบไปเสียที เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ซิลเวอรัสเลยเสนอให้อีกฝ่ายติดกล้องแอบในมุมมืด ส่วนตัวฟั่นถ่งก็ได้จรจีหนีไปหลบห้องจวงหว่านเกาเรียบร้อยเเล้ว เขาทำใจอยู่ในห้องที่มีคนบุกเข้ามาทุกเมื่อไม่ลงจริงๆ ทว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เหตุการณ์ประหลาดกลับไม่เกิดขึ้นจนซิลเวอรัสเริ่มร้อนรนกับข้อกล่าวหานั่นเเหละถึงได้เสนอเหยื่อล่อประหลาดออกมา

นั่นคือให้ทิ้งชั้นในไว้กลางห้อง

ตอนเเรกที่ได้ยินฟั่นถ่งถึงกับทำหน้าเหยียดหยามปิดไม่มิด เเต่เพราะทนคำรบเร้าของอีกฝ่ายไม่ได้เลยตามน้ำคาดไม่ถึงว่าชั้นในตัวนั้นจะหายไปจริงๆ

ทว่าเมื่อเปิดดูเทปที่บันทึกเอาไว้กลับไม่เห็นอะไรเลยเเม้เเต่นิดเดียว

….นอกจากอยู่ๆ บานหน้าต่างก็เปิดออกเเละมีใครบางคนหยิบชั้นในขึ้นมาเก็บอย่างทะนุถนอม ถึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครเพราะเห็นเพียงเงาตะคลุ่มเเต่ฟั่นถ่งรู้สึกขนลุกมากและยิ่งขนลุกกว่าเดิมเมื่อเห็นอาการซิลเวอรัสที่ดูเทปด้วยกัน

“ฟั่นถ่ง ฉันว่านายย้ายหอเหอะ”

ฟั่นถ่งพยักหน้าเห็นด้วยเงียบๆ ถึงเเม้ยังสงสัยอยู่ก็ตามว่าเจ้าสิ่งนั้นมันเป็นผีหรือคน?

20 ไร้ที่ติ

สำหรับเลี่ยซุยเเล้วพี่ชายของเขา… เจี้ยงเฟิงคือผู้ที่สมบูรณ์เเบบที่สุดในโลก ไม่สิ ยิ่งไปกว่านั้นอีก เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมีข้อบกพร่องอะไรเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะอากับกิริยาหรือรอยยิ้ม ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์เเบบไปหมด

เขาเคารพนับถืออีกฝ่ายสุดหัวใจถึงเเม้พี่ชายจะออกจากบ้านไปก็ตาม ทว่า….

เห็นพี่ชายคุ้ยขยะยามเที่ยงคืนเเล้วเลี่ยซุยถึงขั้นพูดไม่ออก ถึงเเม้ว่าเรื่องนั้นจะจบลงด้วยการถูกพี่ชายใช้พลังซัดจนสลบไปก็เถอะเเต่เขามั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ความฝัน

โลกภายนอก… ทำอะไรกับเจี้ยงเฟิง???

แต่ถึงอย่างนั้นแม้เเต่ตอนคุ้ยขยะพี่ก็ยังสง่างามไม่มีเปลี่ยนสมกับเป็นเจี้ยงเฟิงจริงๆ… ถึงจะโดนโลกภายนอกทำให้นิสัยผิดเพี้ยนไปบ้างจนเย็นชาเเล้วก็ปากร้ายกับน้องชายอย่างเขา แต่ข้อสรุปของเลี่ยซุยก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง….

สมกับเป็นท่านพี่เจี้ยงเฟิง พี่ชายของเขาไร้ที่ติจริงๆ!!

21 ดื่ม

เย่ทุ่ยนั้นดื่มไม่เป็น

แต่เมื่อเห็นฟั่นถ่งกับซิลเวอรัสไปดื่มกันบ่อยครั้งเเละระยะหลังมานี้มีจินซื่อไปร่วมเเจมเเล้วเขาพลันอิจฉาอยากดื่มเป็นได้

ในที่สุดตัวเขาก็อายุถึงเกรณ์เเล้วเย่ทุ่ยจึงไปผับเพื่อหัดดื่มเหล้าอย่างไม่ลังเล

ทว่าเขากลับจำรสชาติของสุราไม่ได้เลยนี่สิ รู้เเต่ว่าพอเช้าอีกวันมาก็มีคนมากมายมาขอโทษเขาเสียยกใหญ่นี่มันอะไรกัน?

“เย่ทุ่ย ฉันว่านายอย่าไปอีกเลยนะ” ขนาดฟั่นถ่งยังมาขอร้องเขาเสียงเครียด… ใครไปฟ้องอีกฝ่ายกัน?

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากดื่มเป็นอยู่ดีนั่นเเหละ คราวหน้าคงต้องฝึกดื่มในบ้านเเล้วล่ะ

22 แก้

ผู่ฮาเฮ่อเฮอหรือชื่อเล่นว่าอาฮ่ามีปัญหาหนึ่งกวนใจมาตลอด

ทำยังไงถึงจะกำจัดด้ายเเดงของฟั่นถ่งออกไปหมดดี?

คิดย้อนไปถึงตอนพบอีกฝ่ายครั้งเเรกเเล้วเห็นด้ายเเดงนั้นเขาก็รู้ในทันทีว่านี่เเหละเนื้อคู่

แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายไม่ได้มีด้ายเเดงกับเขาเเค่คนเดียวแถมหนึ่งในด้ายเเดงของอีกฝ่ายดันเป็นคนที่เขาเหม็นหน้าเอาเสียด้วย เเละปัญหาที่สำคัญกว่านั้นคือเขาไม่สามารถตัดด้ายเเดงเส้นอื่นของฟั่นถ่งได้เลยไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเจ้าหัวดำนั่นรึเปล่า

เขาเคยคิดจะเเก้เอาด้ายเเดงของตัวเองออกเสียเเต่ทันทีที่ลงมือด้ายเเดงของเขากับอีกฝ่ายกลับยิ่งพันกันจนถึงทุกวันนี้มันได้ม้วนเป็นปม แก้ไขอะไรไม่ได้อีกต่อไปเเล้ว

ผู่ฮาเฮ่อเฮอจึงได้เเต่กลุ้มใจ

ด้ายเเดงที่ตัดไม่ได้เเก้ไม่ได้เสีนนี้เขาจะทำยังไงกับมันดี?

23 หมวกทรงสูง

เรื่องมันเกิดจากวันรับน้อง จินซื่อถูกเรียกให้ไปแสดงความสามารถพิเศษ

เพื่อให้รุ่นพี่ที่ตนชอบประทับใจ จินซื่อจึงเลือกเเสดงมายากล

ทว่าตอนเเสดงจริงๆ กลับเกิดข้อผิดพลาด นกพิราบที่เตรียมไว้ถูกเปลี่ยนเป็นไก่ได้ยังไงก็ไม่รู้ เเถมยังโผล่ออกจากหมวกมายากลเสียมากมาย รู้ตัวอีกทีก็โดนเรียกว่าไก่สามร้อยตัวไปเเล้ว

ถึงรุ่นพี่จะไม่รู้ฉายาน่าอายนี้ก็ตามเเต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเเค้นของเขากับใครอีกคนที่จ้องตามจีบถังข้าวอยู่

วันนี้เจ้ามารจิ้งจอกก็มาก่อกวนเขาอีกเเล้ว

จินซื่อยิ้มเยาะมองอีกฝ่ายที่ถูกฟั่นถ่งต่อว่าเเล้วเริ่มวางแผนการขั้นต่อไป

คอยดูเถอะผมจะทำให้คุณกลายเป็นไก่โดนเชือดสมชื่อเเน่

24 ตาแมว

ฟั่นถ่งเกลียดตาแมว

เหตุผลนั้นมาจากหนังสยองขวัญเกรดบีที่สมัยก่อนพ่อเปิดให้ดู

ดังนั้นห้องของฟั่นถ่งจึงไม่มีตาเเมว

และถึงประตูหอจะมีตาเเมว เขาก็มักเอาอะไรไปปิดมันไว้เสียทุกครั้ง

ทว่าตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ห้องหว่านเกา

และมันมีตาเเมว

ฟั่นถ่ง : Holy Sh**

25 อีกครั้ง

วันนี้ก็เป็นอีกครั้งเเล้วสินะ…

ไป๋อี้เหรินดูดน้ำมองเจ้าสองคนปญอ.นั่งอี๋อ๋อกันด้วยสายตาปลาตาย ในใจนึกอยากซื้อป็อบคอนมานั่งเคี้ยวเล่นไม่ก็คว่ำโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราดให้พี่จวงเห็นใจคนโสดซะบ้าง— เเน่นอนว่าได้เเต่คิดเท่านั้นเเหละ

“หว่านเกา”

“กินบิสกิตไหมฟั่นถ่ง”

รอบที่สิบเเล้วครับพี่

บิสกิตรอบที่สิบเเล้วครับพี่

แล้วฟั่นถ่งก็เจือกกินด้วยนะประเด็น

ไป๋อีเหรินชักเริ่มอยากเเช่งให้เพื่อนถังข้าวท้องอืดบิสกิตไปซะเดี๋ยวนั้น …ถึงเเม้มันจะไม่มีทางเป็นไปก็เถอะ

26 เปลือก

เปลือกนอกนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาได้อยู่เคียงข้าง ‘เพื่อนสนิท’ อีกครั้ง

ทว่าต่อหน้าคนผู้นั้น ต่อให้ใช้เปลือกนอกที่เเข็งเเกร่งเพียงใด ในยามสบตากลับรู้สึกราวกับถูกมองลึกเข้าไปยังตัวตนข้างใน

ทั้งที่ความจริงสิ่งที่ถูกมองเห็นมีเพียงเเค่เปลือกนอกกลวงเปล่า

ถึงอย่างนั้นเขาก็กลัวเหลือเกิน… กลัวที่จะถูกเปิดโปงถึงตัวจริงอันขลาดเขลาที่ไม่มีเเม้เเต่ความกล้าจะเผชิญหน้าอีกครั้ง

ถึงอย่างนั้นก็โหยหาเหลือเกิน

ความทรงจำในอดีตอันไกลโพ้นก่อนที่ทุกอย่างจะถูกเลือนลางด้วยช่วงเวลาหลายพันปีอันว่างเปล่า

สักวันหนึ่ง… เขาบอกตัวเองเช่นนั้น

ขอเวลาให้เขาอีกสักหน่อย

ถึงเเม้ว่าจะไม่อยากรออีกเเล้วก็ตาม เเต่เขารู้ดี

สักวันหนึ่ง… อีกไม่นาน…

ในตอนนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อมเเล้วเขาจะทิ้งเปลือกที่ไม่จำเป็นนี้ออกไปเผชิญหน้ากับคนผู้นั้นด้วยตัวตนที่เเท้จริงอย่างเเน่นอน

27 เหรียญ

เหรียญในกระเป๋ากระทบดังก๊องเเก๊งชวนน่าสังเวชจนเจ้าของกระเป๋าเงินได้เเต่ถอนหายใจออกมา

ซิลเวอรัสเหม่อมองเหรียญเงินขอตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า ทันใดนั้นเขาพลันได้ยินเสียงใครเดินเข้ามาใกล้

อ๋อ.. เจ้าจิ้งจอกจินนี่เอง

จินซื่อเหลือบมองกระเป๋าเงินฟีบๆ ของอีกฝ่ายเเล้วยิ้มเเสยะล้วงมือหยิบกระเป๋าเงินอ้วนตุงของตัวเองออกมาแถมยังเขย่ากระเป๋าเงินจนดังกรุ๊งกริ๊งอีกต่างหาก น่ารำคาญมาก

ซิลเวอรัสหน้าบึ้งหันหน้าหนี เห็นดังนั้นจินซื่อก็หัวเราะเบาๆ ทำเอาฝ่ายไม่มีเงินปริ๊ดขึ้นมา

“ท่าทางอารมณ์ดีจังนะ คุณรุ่นน้อง (ชีวิตดีตายล่ะ) “

“แหม ช่วยไม่ได้นี่ครับ พอดีช่วงนี้ขาขึ้น (แหม๊ อิจฉาล่ะซี๊) แล้วคุณรุ่นพี่ล่ะครับมาทำอะไรเเถวนี้? (อยากเอาแล้วมีปัญญารึไง) “

“ก็ไม่อะไรพอดีเเวะมาทำธุระ (เรื่องของตู) เฮ้อ จะว่าไปแถวนี้พึ่งรีโนเวทสินะ พื้นนี่เนียนเชียว (อยากลงไปนอนกับพื้นไหมล่ะ) “

“รู้ดีจังนะครับ เเต่ผมว่าพื้นนี่มันไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่ คงต้องปูอีกรอบ (รู้ดีเรื่องพื้นเเบบนี้คงนอนบ่อยๆ ล่ะสิ) “

“ไม่ลองไม่รู้หรอกน่า คุณรุ่นน้อง (จะเอาใช่ป่ะ)”

“นั่นสิครับ ไม่ลองไม่รู้หรอกเนอะ (ไม่กลัวเว้ย)”

ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ใบไม้ปลิวสไลว คนสองคนใบหน้าเปื้อนยิ้มจ้องหน้ากัน

แต่แล้วความเงียบนั้นกลับถูกทำลายลงด้วยเสียงของบุคคลที่สาม

“คิดเงินด้วยครับ”

ทั้งสองหันขวับไปทันใด มองยังชายหนุ่มผมทองผู้รับถุงจากคนขาย นาร์ซีที่พึ่งซื้อไก่ย่างให้เองเกลอร์เสร็จหันมามองคนปัญญาอ่อนสองคนเเล้วร้องเหอะ เดินจากไปอย่างไม่ใยดี

พอหันไปที่ลุงขายไก่ก็ดันเก็บของซะเเล้ว

จิ้งจอกสองตัวได้เเต่มองหน้ากัน นายมองฉัน ฉันมองนาย ก่อนที่ต่างคนต่างทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เเละเเล้วคืนนั้น

“ซิลเวอรัส นาร์ซีบอกว่านายกับจินซื่อกำลัง… คบหาดูใจกัน” ฟั่นถ่งลดเสียงลงแผ่วเบา จิตวิญญาณแห่งความเผือกลุกโชน “นั่นจริงรึเปล่าน่ะ”

เจ้าเล่ห์สมเป็นน้องรักจริงๆ

28 ค้าง

วันนี้ฟั่นถ่งมาค้างบ้านลั่วซื่อ

จริงๆ จะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูก น่าจะเรียกว่าวังมากกว่า

เหม่อมองคฤหาสน์สไตร์ตะวันออกที่มีทั้งสะพานหินทั้งบ่อปลาคราฟ แถมยังมีคนรับใช้เรียงรายเเล้วได้เเต่ตัดพ้อโชคชะตา ถึงจะมากี่ครั้งก็ไม่ชินจริงๆ

แต่จะว่าไปคนรับใช้บ้านนี้ยังถือว่าน้อยกว่าบ้านพวกนาร์ซี ที่นั่นแค่เห็นก็รู้เลยว่าคุณชายจริงๆ

“มัวเเต่เหม่ออะไรไปได้แล้วน่า” ไม่ทันไรก็โดนเร่งอีกเเล้ว

เดินข้ามสะพานหินไปไม่รู้กี่สะพานในที่สุดก็เจอกับอาคารไม้แบบจีนหลังเล็ก… ‘เล็ก’ ที่นี่คือถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆ ในรั้วนะ ถ้าเทียบกับบ้านเขานี่ก็….

เอ่อ อย่าคิดเลยดีกว่า

และแล้วทันทีที่เข้ามายังอาณาเขต ‘บ้าน’ ของตน ลั่วซื่อก็ทิ้งมาดหันมาบ่นกับเขาทันที

“เพราะอินซื่อคนเดียวทำให้ซื้อรถกอล์ฟไม่ได้! จะเดินเข้าบ้านทีไรทำไมต้องเดินเมื่อยขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้…” นั่นดิ ฟั่นถ่งพยักหน้าหงึกๆ “ท่านเเม่เองก็ตามใจหมอนั่นเหลือเกิน หลิงซื่อก็อีกคน เฮ้อ”

“จะว่าไปช่วงนี้นายเองช่วงนี้ก็เอาเเต่ค้างห้องคุณถ้วยฟูตลอดเลยนี่นะ” เดี๋ยวๆ ทำไมวกมาเรื่องนี้เฉยเฮ้ย “นี่นายคงไม่คิดจะย้ายไปอยู่กับเขาใช่ไหม”

ฟั่นถ่งมองคนอยากเผือกเเล้วหัวหน้าหนี ว่าเเล้วเชียวจุดประสงค์ที่ชวนเขามาค้างต้องไม่พ้นเรื่องนี้จริงๆ ด้วย

“เปล่าสักหน่อย เดี๋ยวก็ย้าย..”

“เดี๋ยวของนายนี่จนเรียนจบ?”

“บ้าอ่อ!” ฟั่นถ่งปฏิเสธทันที “ว่าจะย้ายอาทิตย์หน้าเเล้ว…”

“ย้าย? เร็วจัง” ลั่วซื่อเหล่มอง “มีเหตุผลอะไรรึเปล่าเนี่ย~”

ไม่ต้องมาล้อเลียนกันเลย ให้ตายก็ไม่บอกหรอกน่า!

“เถอะน่า ไม่ต้องมาเล่นตัว”

อย่าบอกนะว่าติดเชื้อเจ้าลูกเดือยมาน่ะ ทำไมเริ่มพูดจาเหมือนกันไปทุกที?

เห็นเขาปฏิเสธเสียงเเข็ง ลั่วซื่อจังได้เเต่รามือไปที่สุด

“จะว่าไปนายเรียกฉันมาคราวนี้คงไม่ได้เเค่จะถามนี่หรอกใช่ไหม”

“เเน่อยู่เเล้ว” ลั่วซื่อพยักหน้า รอยยิ้มสบายๆ ลดเลือนไป “ฟั่นถ่ง”

“ว่า?”

“ช่วยงานอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”

เห็นสีหน้าเคร่งเครียดที่นานทีเห็นแล้วฟั่นถ่งได้เเต่ตอบตกลง

แล้วก็ต้องเสียใจเมื่อเห็นงานที่ว่านั่น

“ขอบใจนะฉันค้างมานานมากเเล้วจริงๆ” ลั่วซื่อยกยิ้มเจิดจ้าขณะยกกระดาษปึกนึงให้ฟั่นถ่ง “ฝากนายด้วย!”

ฟั่นถ่งหน้าทะมึนอ่านนิยายเนื้อหาแปลกๆ ด้วยสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด นี่คงไม่ใช่ว่าตัวเขาเองก็มีอะไรแบบนี้หรอกนะ

จะว่าไปลายมือคุ้นๆ คงไม่ใช่ว่า…

ไม่มั้ง~ ไม่หน่า~ คงไม่ใช่หร๊อก~~~

จนกระทั่งเขาเปิดเจอฉากตัวเอกจ้องตากันยังกับปลากัด

ฟั่นถ่ง “…”

และแล้วงานค้างของลั่วซื่อก็เสร็จไปงานหนึ่งจนได้

29 ใต้ร่มไม้

ฟั่นถ่งได้รับคำชวนจากเย่ทุ่ยให้ไปที่หนึ่งด้วยกัน ตอนเเรกเขานึกว่าเป็นการนัดกันเหมือนทุกครั้งจึงตกลง ว่าเมื่อไปถึงกลับมีเพียงเขากับอีกฝ่ายเเค่สองคนซะนี่

“นานๆ ทีก็อยากอยู่ด้วยกันสองคนบ้าง” เย่ทุ่ยยิ้มอายๆ ชี้จุดหมายปลายทางให้ดู นั่นคือยอดเขาในนิตยสารท่องเที่ยว

“ไม่ต้องห่วง” ราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไร เย่ทุ่ยควักตั๋วสองใบออกมา “ที่นี่มีกระเช้าลอยฟ้า”

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันซื้ออาหารกลางวันให้นะ” เพราะเกรงใจบวกกับหลายๆ อย่างฟั่นถ่งจึงรีบพูดแบบนั้น โชคดีที่เย่ทุ่ยเห็นด้วย จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงถัดมาพวกเขาก็อยู่บนวิลล่าบนยอดเขา

บนพื้นหญ้าที่ปูด้วยผ้าเรียบร้อย คนสองคนกึ่งนั่งกึ่งนอนใต้ร่มไม้ มองวิวที่มองเห็นใบไม้เปลี่ยนสีเต็มเทือกเขา ในใจคิดว่าไม่เลวเลยจริงๆ

“จะนอนลองพักดูก็ได้นะ” เห็นเย่ทุ่ยดูอ่อนเพลีย ฟั่นถ่งจึงเอ่ยชวนอย่างเอาใจใส่

เย่ทุ่ยตอบรับความปรารถนาดีอย่างลังเล

ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาบ่ายกว่าๆ แสงแดดที่ลอดผ่านร่มไม้จึงไม่แรงมาก ถึงอย่างนั้นเมื่อมันกระทบกับเรือนผมสีทองของเย่ทุ่ยก็ทำให้ฟั่นถ่งตาพร่าอยู่ดี

มองดูอีกคนที่งีบหลับเเล้วฟั่นถ่งเผลอยิ้มไม่รู้ตัว เผลอลูบผมเย่ทุ่ยเบาๆ

ถ้าเย่ทุ่ยมีความสุขก็ดีแล้ว

30 รัง

ช่วงนี้สโนวี่หมกมุ่นกับการทำอะไรสักอย่าง เสียงดังกร๊อบๆ แกร๊บๆ ช่วงกลางดึกรบกวนช่วงเวลานอนของเจ้าของมาหลายวันเเล้ว ถึงอย่างนั้นนาร์ซีก็ทำใจดุมันไม่ลง

เมื่อดูผลงานที่นกทำก็ได้เเต่ถอนหายใจ ไอก้อนขยุกๆ นั่นคืออะไรกัน ถ้าเป็นเสื้อผ้าเขาก็เก็บอยู่ในตู้เรียบร้อย ไม่มีทางที่เจ้านกอ้วนจะไปฉกมันออกมาได้หรอก หรือว่ามันจะไปขโมยจากผ้าที่ตากอยู่?

ด้วนความสงสัย นาร์ซีเลยใส่ถุงมือหยิบวัตถุปริศนากางออกมาดู จังหวะนั้นเองที่ซิลเวอรัสผู้ไม่ได้กลับบ้านมานานเปิดประตูมาหาน้องชาย

“น้องรักพี่ชา–” ถ้อยคำขาดห้วง ในตอนนั้นเองนาร์ซีพึ่งรู้ว่าวัตถุปริศนานั่นคืออะไร

“….” นาร์ซี

ก่อนที่ทันเอ่ยปากห้ามพี่ชายตัวดีก็วิ่งหนีออกไปจากห้องเสียเเล้วเเถมยังส่งข้อความตัดพ้อมากมายมาเสียยกใหญ่ นาร์ซีได้เเต่มองบ๊อกเซอร์ปริศนาด้วยความรังเกียจ ไม่รู้จริงๆ ว่าสโนวี่อุตริไปฉกมาจากที่ไหน ดูจากปฏิกิริยาของซิลเวอรัสเเล้วก็คงไม่ใช่ของเจ้านั่นเป็นเเน่

เพื่อเป็นการเเก้ปัญหา นาร์ซีเลยเเชร์ภาพในวงเพื่อนว่านกเป็นคนขโมยมา ไม่ใช่เขาเเต่อย่างใด

ปฏิกิริยาของเเต่ล่ะคนไม่ต่างจากที่เขาคาดไว้ เว้นเเต่…

“นาร์ซี เเน่ใจนะว่านั่นสโนวี่เป็นคนเอาไป” ฟั่นถ่งถามมาว่าอย่างนั้น

พอคุยกันกับอีกฝ่ายที่เล่าอ้อมเเอ้มไม่ยอมพูดเข้าเรื่อง เขาก็พอประติดประต่อเรื่องราวเข้าได้

ที่เเท้เป็นอย่างนี้นี่เอง…

ดังนั้นในวันถัดมา ซิลเวอรัสหิ้วเค้กกลับบ้านมาขอขมาน้องก็ได้เกือบถูกนาร์ซีฆาตกรรมล้างความอับอายของวงศ์ตระกูล ดังลั่นไปถึงข้างบ้านจนเกือบถูกเย่ทุ่ยผสมโรงเชือดด้วยอีกคน โชคดีที่สโนวี่เข้ามาขวางไว้

ด้วยบ็อกเซอร์ตัวใหม่ที่คุ้นตา

“….”

เจ้าบล็อกเซอร์นั่นมันมีอะไรทำไมเจ้านกโง่ถึงได้คาบมาทำรังกันนะ

31 ตอนจบ

หลังเรื่องวุ่นวายทั้งหมดจบลง ฟั่นถ่งก็ได้ย้ายไปอยู่หอกับจวงหว่านเกาอย่างเป็นทางการ

หมายถึงย้ายเข้าไปข้างห้องล่ะนะ ส่วนรูมเมทถังข้าวก็รู้ๆ กันอยู่

เพราะคนร้ายยังคงลอยนวลทุกฝ่ายจึงกะตือรือร้นที่จะเผื– ช่วยเหลืออย่างมาก

อย่างเเรกคือซิลเวอรัสเสนอให้ติดกล้องไว้ในห้องก่อนโดนฟั่นถ่งปัดตก ไปๆ มาๆ เลยตกลงจะติดเเค่ที่ประตูหน้าต่าง เเน่นอนว่าคนออกเงินไม่ใช่ฟั่นถ่ง นาร์ซีเสนอตัวช่วยเเถมยังกระซิบอีกด้วยว่าถ้าซิลเวอรัสทำอะไรแปลกๆ จะจัดการให้เอง รอยยิ้มในตอนนั้นน่าสยองมากจนใบหน้าอีกฝ่ายความทรงจำฟั่นถ่งกลายเป็นเซนเซอร์ไปทั้งอย่างนั้น

อย่างที่สอง นักพรตผมขาวยาวผู้ที่เขาไปขอความช่วยเหลือคราวก่อน– อาฮ่าเสนอตัวช่วยด้วยการให้ยันต์จำนวนมากมาโดยไม่คิดเงิน เห็นอนุภาพของสิ่งนี้ไปแล้วฟั่นถ่งเเทบลงไปกอดขาอีกฝ่าย ไม่รู้เพราะอย่างนั้นรึเปล่าเพื่อนผมขาวยังยกยันต์ให้อีกปึกใหญ่อย่างใจกว้าง ฟั่นถ่งซาบซึ้งมากโดยไม่ได้รู้ความจริงเลยว่านักพรตผมขาวเเค่หวงตนเท่านั้นแหละ

อย่างที่สาม จวงหว่านเกาผู้อยู่ข้างห้องเสนอตัวช่วยด้วยการกางเขตเเดนให้เเล้วแถมยกกุญเเจห้องให้เขาจรจีอีกต่างหาก

ส่วนคนที่เหลือน่ะเหรอ? ถ้าเว้นเย่ทุ่ยเอาไว้ก็มีพวกขาเผือกทั้งนั้น ส่วนลั่วซื่อก็หยอกเขาด้วยการยกตู้เซฟให้ตู้นึงบอกให้ใส่ชั้นในไว้ในนั้น… นี่เห็นชั้นในเขาเป็นอะไรกัน?

โชคดีที่เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดจำกัดอยู่เเค่ในวงเพื่อนเขาเท่านั้น ขืนให้คนอื่นอย่างคุณพี่ไอยาสรู้มีหวังน่าขายหน้าตาย เเน่นอนว่ารุ่นน้องเองก็ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นจินซื่อก็มาเสนอช่วยเขาขนของ รู้ได้ยังไงกันนะ

01 เริ่มต้นใหม่

หลังจากย้ายหอฟั่นถ่งก็ได้เเต่ตั้งมั่นว่าจะเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง! …คิดว่านะ

ทว่าเริ่มต้นใหม่ได้ไม่ถึงวันห้องก็กลับมารกอีกเเล้ว…

พอเห็นอย่างนั้นซิลเวอรัสรีบเสนอตัวขึ้นมาทันใด

“เริ่มต้นใหม่กับเค้าด้วยไหมล่ะตัวเอง~” ฟั่นถ่งมองเมทด้วยสายตาปลาตาย กำยันต์ที่นักพรตทิ้งเอาไว้แน่น

หลังจากนั้นซิลเวอรัสก็เกือบได้ ‘เริ่มต้นใหม่’ จริงๆ

02 สะพานลอย

เลี่ยซุยเจอกับเจี้ยงเฟงอีกครั้งบนสะพานลอย

อีกฝ่ายกำลังมากับคนหลายคนที่ไม่คุ้นหน้า มีเพียงหนึ่งในนั้นที่เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนเองเกลอร์

ด้วยเหตุนั้นในขณะที่เอ่ยคำทักทายพี่ชาย อีกฝ่ายจึงส่งสายตาเย็นชาจนเขาสติหลุดได้เเต่รับคำทักทายจากเพื่อนหลานไปทั้งอย่างนั้น

“คนนั้นเขามองนายเเปลกๆ นะหว่านเกา”

“งั้นเหรอ”

“ท่าทางไม่น่าไว้ใจยังไงไม่รู้ นายไปทำอะไรมารึเปล่าเนี่ย”

“ก็เปล่านะ”

“คงไม่มั้ง… เขาเป็นลุงรองเพื่อนฉัน”

“ลุง!? หน้าอย่างนั้นนี่นะ!!”

“จุ๊ๆ เบาๆ หน่อยเดี๋ยวเขาได้ยิน..”

คนกลุ่มนั้นจากไปไกลเเล้วเเต่คำพูดนั้นกลับเสียดเเทงเข้าไป

ในหัวใจคนค้างอยู่บนสะพานลอย เลี่ยซุยหันมองพี่ชายที่ยิ้มเเย้มกับเด็กรุ่นโครตเหลนของตัวเองแล้วจุกอก อยากพูดเหลือเกินว่าเพื่อนนายคนนั้นน่ะอายุมากกว่าฉันอีก (…)

แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อพี่ชายป้อนขนมให้กับเพื่อนสนิทหลานหน้าตาเฉย

ทั้ง-ที่-ไม่-เคย-ให้-อะ-ไร-เขา-เลย

เลี่ยซุนได้เเค่ช็อกอยู่กับที่ จะว่าอิจฉาก็อิจฉาอยู่ เเต่ยิ่งไปกว่านั้น…

อย่าบอกว่ารักแท้ที่พี่ตามหาคือเด็กอายุไม่ถึง 20 นั่น… พี่ ถึงผมมีเงินประกันเเต่ก็ไม่อยากให้พี่ติดคุกหรอกนะ แล้วผมก็ไม่อยากไปประกันตัวพี่ด้วย…

ไม่นะ….

เจี้ยงเฟิงกลับมาคุยก๊อนนนนนน!!!!!

03 บทกวี

อาฮ่ามองบทกวีที่คนในเเชทส่งมาแล้วนิ่งงัน ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกับกลอนรักบ้าบอที่อีกฝ่ายส่งมาให้ดี

ประเด็นคือเจ้าคนที่ส่งมามันดันเป็นด้ายเเดงของเขานี่สิ เขาควรดีใจหรอกนะ เเต่ทำไมกลับรู้สึกปุเลี่ยนผิดวิสัย

แล้วคำตอบก็ปรากฏในเวลาต่อมา

เจ้าหัวดำปลอม คืนนี้แกเจอดีเเน่!

04 Maybe

บางครั้งโอกาสก็มาในรูปแบบที่คาดไม่ถึง

ไป๋อี้เหรินมองของประมูลที่มอดนำมาเสนอด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่รู้ควรรู้สึกยังไงดี

ประเด็นคือเขาไม่อยากได้มันนี่สิ

ไม่อยากได้ ไม่อยากรู้ ไม่อยากมีส่วนร่วม

“คนร้ายนี่แกเรอะ” พอเอ่ยปากไปอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ส่งอีโมอ้วกมา ถึงอย่างนั้นจะไปง้างปากเจ้านี่มันยากเสียยิ่งกว่ายาก

ถ้าอย่างนั้น…

“ลูกเดือยนายทำอะไรลงไปปปปป” ฟังเสียงกรีดร้องจากปลายสายแล้วเขาก็กดวางอย่างไม่ลังเล

ถ้าเกิดว่าเขาอุบเงียบไว้แล้วหากำไรจากเรื่องนี้ก็คงได้อยู่หรอก เเต่ก็นะ…

กับเรื่องโรคจิตเเบบนั้น เขาขอเลือกทางนี้ดีกว่า

Leave a comment