[OS TSM] [จวงฟั่น] ลูกค้ามื้อดึก

The Sunken Moon จวงฟั่น ลูกค้ามื้อดึก

spoil ไม่มีแหละ

15-16/06/2023

Note : พล็อตเมื่อนานมาแล้ว พอดูวันที่กาวล่าสุด นะ นี่เราไม่ได้เขียนฟิคดีๆ มาเป็นปีร่ะรึนี่!? ส่วนไทม์ไลน์ฟิคช่วงเล่มพิเศษ 2 นะคะ ใช่แล้ว เราหมายถึงช่วงที่ฟั่นถ่งกลับโลกเดิมพร้อมผีอีกตน-

.

.

.

จวงหว่านเกาเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ

หลายปีที่ผ่านมา นอกจากเวลาเรียนในคลาสแล้ว สิ่งที่จวงหว่านเกาทุ่มเทที่สุดก็คือการทำงานในร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะกวาดพื้น ทิ้งขยะ เติมของบนชั้น อุ่นอาหาร คิดเงินบนแคชเชียร์หรือกล่าวต้อนรับลูกค้า เขาล้วนเคยทำมาทั้งหมด

เพื่อนร่วมเอกที่รู้งานประจำนี้มักมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาดที่สื่อความหมายว่า ‘ทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อมันดีตรงไหน’ พอหลังเรียนจบมหาลัยก็เลื่อนไปเป็น ‘ทำไมต้องเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อไม่ใช่ผู้จัดการร้าน นายนี่มีงานอดิเรกที่แปลกจริงๆ’

เมื่อเผชิญกับสายตาเช่นนี้ เขาเพียงแค่ยิ้มตอบไม่เอ่ยปากต่อคำ ส่วนเหตุผลที่ทำงานถึงได้ทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อทั้งที่เงินเดือนต้อยต่ำแถมยังเหนื่อยอีกต่างหาก เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าชอบหรอกนะ

ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่เคยหยุดงาน ไม่ว่าฤดูกาลจะแปรเปลี่ยนไป จะฝนตก แดดออกหรือหิมะตก จวงหว่านเกาก็ยังคงทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อไม่เปลี่ยนแปลง

แต่วันนี้เหมือนจะมีอะไรต่างออกไป

ขณะที่กำลังรับมือกับลูกค้านักดื่มที่มักเจอกลางดึก สายตาของเขาก็หยุดเข้ากับผมสีน้ำตาลของใครบางคนนอกร้านสะดวกซื้อ

เอ… หรือว่านั่นจะเป็น…

“เฮ้ย! เหม่อมองไปไหนวะไอหนู… ลูกค้ากำลังรอคิวอยู่ตั้งเยอะไม่มีตาเรอะ!”

ลูกค้าวัยกลางคนที่มาซื้อเหล้าเพิ่มกลางดึกมักอ่อนไหวเป็นพิเศษพนักงานจวงชินซะแล้ว แม้ว่าจะไม่มีลูกค้าหรืออะไรที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างก็ไม่ควรเอ่ยปากแย้งอะไร เขาเพียงยิ้มเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

“ขอดูบัตรประชาชนด้วยครับ”

“ซื้อ… ซื้อมาขนาดนี้แล้วยังจะดูบัตรอีก นายนี่ไม่มีตาจริงๆ!”

“มันเป็นกฎครับ รบกวนขอดูบัตรด้วย”

ถึงจะโมโห แต่เมื่อเขายืนยันไม่เปลี่ยนแปลง อีกฝ่ายก็ได้แต่ตบกางเกงหากระเป๋าเงิน แล้วก็ต้องหน้าบิดเบี้ยวเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง

“ดูเสร็จแล้วใช่ไหม…”

“ครับ” พนักงานจวงยืนยัน กดตัวเลขลงที่เครื่องแล้วเอ่ยต่อ “สรุปว่าสแกนจ่ายนะครับ”

“…”

“ยอดทั้งหมด 110 หยวน รับถุงเพิ่มไหมครับคุณลูกค้า”

เมื่อเจอยิ้มการค้าไม่เปลี่ยนแปลงเข้าไปถึงเป็นลูกค้าเมากรึ่มก็ชักเริ่มตั้งสติได้ อีกฝ่ายล้วงโทรศัพท์ออกมาสแกนจ่ายเงินอย่างทุลักทุเลและเดินโซเซออกไป ในตอนนั้นเองจวงหว่านเกาถึงพึ่งสังเกตว่าคนที่มองเห็นแวบเดียวนั้นหายไปเสียแล้ว

ดวงตาสีเขียวกะพริบตาปลิบๆ กวาดสายตามองในร้านที่เงียบสงัด กลางดึกแบบนี้อีกฝ่ายไม่น่ามีธุระมาทำอะไรหรอกละมั้ง?

ทำไมพอละสายตาไปก็หายไปเสียแล้ว

จวงหว่านเกาไม่เคยตาฝาด แต่เพราะกำลังทำงานอยู่จึงไม่สะดวกตามออกไปดู แม้ว่าจะเป็นห่วงอยู่นิดหน่อยก็ตาม ตั้งแต่สมัยเรียนฟั่นถ่งมักวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่เสมอ จนแม้ตอนนี้จะแยกย้ายกันไปหลายปีแล้ว ภาพจำก็ยังทำให้ความเคยชินเก่าๆ กลับมาเสมอ

คิดถึงคน คนก็มา เสียงประตูอัตโนมัติดังขึ้นพร้อมกับเพื่อนสมัยเรียนที่พึ่งเห็นหน้าไปแวบๆ ฟั่นถ่งในสภาพเสื้อกล้ามรองเท้าแตะคงไม่คาดคิดว่าจะเจอคนรู้จักตอนกลางดึก เมื่อเห็นเขายืนประจำอยู่ที่แคชเชียร์ก็สะดุ้งตกใจ ทำหน้าเหมือนเห็นผีใส่กันซะอย่างนั้น

“ฉันมาทำอะไรที่นี่!”

“ไม่ได้มาซื้อของเหรอ?”

“….”

เมื่อเห็นสีหน้าอับจนของฟั่นถ่ง จวงหว่านเกาก็ยังคงคิดไม่ออกว่ามีอะไรผิดพลาดอยู่ดี

เพราะบทสนทนาไม่สามารถสื่อถึงกันได้ ในที่สุดฟั่นถ่งก็ยอมแพ้และหยิบตะกร้าเดินเข้าไปในร้านแทน เขาก็กลับไปเป็นพนักงานจวงตามเดิม เพียงแต่สายตากลับจับจ้องไปยังพนักงานคนเดียวในร้านไม่รู้ตัว

ฟั่นถ่งที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานยังมีสภาพไม่ต่างจากเด็กหอ อีกฝ่ายเดินไปหาโซนขนมอย่างไม่ลังเล หลังจากนั้นเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบขนมขึ้นมาแล้ววางลง หยิบขึ้นมาแล้ววางลง ในที่สุดก็อารมณ์เสียขึ้นมาแล้วยอมแพ้กับขนมซองเสียดื้อๆ ซะอย่างนั้น

พูดมาตั้งสี่ปีสมัยเรียนไม่เคยยอมแพ้ หรือว่าจะโตขึ้นแล้ว

ทั้งที่คิดแบบนั้นแต่ฟั่นถ่งที่เดินไปยังแผนกอาหารสดก็ยังทำท่าประหลาดอยู่ดี ชายหนุ่มหยิบกล่องอาหารแช่เย็นขึ้นมาจ้อง สักพักก็เปลี่ยนไปหยิบกล่องใหม่ ในที่สุดก็หยิบอาหารมาหนึ่งกล่องกับนมกล่องใหญ่มาคิดเงิน

“ต้องไม่คิดเงินนะ”

“?”

“ใช่!! ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! คือ… ฉันจะคิดเงินให้นายเอง…”

“…”

รับมือลูกค้าสารพัดมาหลายปี ที่รับมือยากมาก็เยอะ พึ่งมาเจอลูกค้าพูดไม่รู้เรื่องก็ครั้งแรกแถมยังเป็นเพื่อนสมัยเรียนตัวเองอีกต่างหาก ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงใช้ไม้แข็งจัดการไปแล้วแต่เพราะอีกฝ่ายเป็นฟั่นถ่ง จวงหว่านเกาจึงได้แต่ใช้สมองคิดหาวิธีจัดการคนตรงหน้าให้ดี

ก่อนอื่นคงต้องสื่อสารกันให้รู้เรื่องซะก่อน… แต่ถ้าทำไม่ได้… จะใช้พลังก็ไม่อยากทำด้วยสิ…

ทั้งที่ยังไม่ทันคิดอะไรให้ถี่ถ้วน ฟั่นถ่งที่ทำหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอป โบกไม้โบกมือไปยังตัวสแกน จวงหว่านเกาเอียงคอมองแล้วก็หันไปมองหน้าเพื่อนที่ทำตัวประหลาดด้วยแววตาสงสัย ถึงอย่างนั้นประโยคที่ออกจากปากกลับเป็น…

“ทั้งหมด 25 หยวนครับ สแกนจ่ายผ่านช่องทางนี้ครับ”

“…”

คนก็จากไปแล้ว แต่จวงหว่านเกายังคงมึนงงอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าสรุปแล้วฟั่นถ่งต้องการอะไรกันแน่ ไม่สิ เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เขาพลาดไปรึเปล่า

ทว่าลูกค้าคนต่อไปเข้ามาในร้านแล้ว พนักงานจวงจึงสลัดความสงสัยเล็กน้อยออกไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ โดยที่ไม่คิดเลยว่าสองชั่วโมงต่อมาจะเจอกับเพื่อนคนเดิมอีก

….

ทำไมถึงกลับมาอีกแล้วล่ะ

จวงหว่านเกากะพริบตา มองฟั่นถ่งที่เดินวนเวียนไปยังแผนกขนมซองด้วยท่าทางเช่นเดิม นั่นคือหยิบขนมขึ้นมาจ้องแล้วกลับไปวางที่เดิม จากนั้นก็ทำกับขนมห่อถัดไปด้วยท่าทางตั้งใจ จำได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องคุณค่าโภชนาการหรือจำนวนแคลอรีอะไรเลยนี่นา ทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนท่าทีกัน ในงานเลี้ยงรุ่นที่พึ่งเจอกันไม่นานก็ไม่ได้สนใจว่ากินกาแฟตอนบ่ายแล้วจะมีปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ แปลกจริงๆ

จะว่าไปแล้วฟั่นถ่งที่กลับมาอีกครั้งก็แต่งตัวต่างออกไป ทั้งใส่เสื้อยืดและกางเกงขายาวแถมยังสวมรองเท้าผ้าใบอีกต่างหาก ลูกค้าช่วงเวลาแบบนี้ไม่ค่อยมีใครนักหรอกที่แต่งตัวเหมือนเวลากลางวัน หรือว่าจะออกไปไหนหรือเปล่านะ

ไม่นานฟั่นถ่งก็กลับมาพร้อมกับขนมซองจำนวนหนึ่ง พอเหลือบมองขนมธัญพืชที่จำได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้ชอบเป็นพิเศษแล้วจวงหว่านเกาก็อดคิดนู่นนี่ไม่ได้

เอาเถอะ ดูแล้วไม่ได้มีอะไรมีปัญหาติดตัวอยู่ ถึงออกไปไหนในช่วงเวลาแบบนี้ก็ไม่น่ามีเหตุอะไรหรอก

เช่นเดียวกับครั้งก่อน ฟั่นถ่งวางขนมโดยไม่พูดอะไร พนักงานจวงก็คิดเงินโดยไม่คิดจะถามอะไรเหมือนกัน หลังสแกนจ่ายเสร็จเรียบร้อยอีกฝ่ายก็จากไป

“แล้วกลับมาใช้บริการอีกนะครับ”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดตามหน้าที่นั่น ฟั่นถ่งก็หันกลับมาพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแล้วก็ขมวดคิ้วยุ่ง หอบถุงขนมจากไป

ตีสามแล้ว ถึงเวลาเติมสต๊อกของตามตู้แช่ จวงหว่านเกาที่เฝ้ากะดึกทั้งคืนจึงลุกจากแคชเชียร์ไปจัดการข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ยังไงซะถ้ามีลูกค้าเข้าร้านเขาก็รับรู้ได้อยู่แล้ว ส่วนผู้ไม่ประสงค์ดีทั้งหลายนั้นไม่สามารถก่อปัญหาในกะของเขาได้หรอก

จะว่าไปก็คิดไม่ถึงเลยว่าสาขานี้จะอยู่แถวบ้านฟั่นถ่ง

พนักงานดีเด่นจวงที่เกือบได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการได้จรลีมาสมัครงานที่นี่เมื่อไม่กี่วัน แถมยังรับทำกะกลางคืนอีกต่างหาก นอกจากลูกค้านักดื่มเจ้าประจำแล้ว ส่วนมากหลังเที่ยงคืนก็ไม่ค่อยมีใครเข้ามาใช้บริการนักหรอก

จากนี้ไปคงได้เจอหน้ากันบ่อยๆ

เขาคิดแบบนั้น แอบดีใจนิดหน่อย แต่ไม่ได้คิดเลยว่าจะยังไม่ถึงชั่วโมงดีฟั่นถ่งก็เข้ามาซื้อของอีกแล้ว แถมคราวนี้ยังซื้อขนมซองจำนวนมากด้วยท่าทางโกรธเคือง

มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ทั้งที่สงสัยอยู่ในใจแต่พอจะเอ่ยถาม ประโยคที่ออกไปกลับเป็นจำนวนเงินที่ต้องชำระซะอย่างนั้น

ไม่น่ามีอะไรหรอกมั้ง… เขาปลอบใจตัวเอง มองฟั่นถ่งที่หิ้วของพะรุงพะรังออกไปแล้วภายในใจกลับรู้สึกโหวงเหวง นั่นเป็นเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะเจอใครบางคนที่พร่ำบ่นว่าอยากมีเมื่อสมัยเรียนแล้วรึเปล่า หรือนั่นเป็นแค่ความรู้สึกอ่อนไหวของพนักงานกะดึกที่ไม่ได้พบเจอใครมานานกันแน่

ครั้งหน้าจะลองถามดู

เขาตั้งมั่นว่าแบบนั้น แต่ไม่คาดคิดว่าไม่นานอีกฝ่ายก็กลับมา มาซื้อน้ำบ้าง ซื้อช็อกโกแลตบ้าง เพียงแต่ในเวลานั้นจะมีลูกค้าคนอื่นเข้ามาและฟั่นถ่งมีสีหน้าหงุดหงิดมากเขาจึงเอ่ยถามไม่ออก ได้แต่คิดเงินให้อีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จวบจนตอนที่เข็มนาฬิกาเลื่อนไปยังเลขห้าแล้ว ในที่สุดจวงหว่านเกาก็พูดประโยคที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานออกไปครั้งแรก

“ปกตินายเข้าร้านสะดวกซื้อบ่อยขนาดนี้เลยเหรอ”

“ใช่แล้ว ฉันไม่ได้เข้ามาบ่อยหรอกนะ”

“…”

ประโยคที่ฟังดูเหมือนจะย้อนแย้งทำให้สมองที่มึนงงของจวงหว่านเกากลับมาทำงานอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงเอ่ยพูดไปอีกประโยค

“พรุ่งนี้นายไม่เปิดร้าน?”

“เปิดสิเปิด วันทำงานทั้งทีจะหยุดได้ยังไง”

แต่ ‘พรุ่งนี้’ เป็นวันอาทิตย์นะ…

ในที่สุดจวงหว่านเกาก็รู้สึกตัว

“ฟั่นถ่ง… ขอโทษที นายช่วยพิมพ์มาได้ไหม?”

“…”

ถูกสายตัดพ้อว่า ‘นายลืมเรื่องคำสาปฉันไปได้ยังไง’ ที่ถูกส่งมาแล้วเขาก็แอบเหงื่อตกเล็กน้อย ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้งานเยอะมากเกินไป เพราะไม่รู้จะว่าเอาเวลาว่างไปทำอะไร ช่วงบ่ายจวงหว่านเกาจึงได้สมัครงานร้านสะดวกซื้อไว้อีกที่แล้ว ช่วงนี้เขาจึงวิ่งรอบไปๆ มาๆ ระหว่างสองสามที่จนไม่ค่อยได้พักเสียเท่าไหร่

ในที่สุดการสื่อสารของสองฝั่งก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หลังจากชำระสินค้าของฟั่นถ่งเสร็จเรียบร้อย เจ้าตัวก็เขยิบตัวพร้อมของไปอยู่ข้างๆ ช่องแคชเชียร์แล้วพิมพ์ข้อความลงในมือถือแล้วยื่นให้อีกคนอ่าน

‘ทำไมตอนนี้ถึงชวนคุยแล้วล่ะ ฉันอยากชวนนายคุยตั้งนานแต่เห็นนายฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องเลยไม่กล้าทัก’

“ก็เมื่อกี้ทำงานอยู่นี่นา”

‘แล้วตอนนี้ไม่ได้ทำอยู่เหรอ? หว่านเกานายมาทำอะไรแถวนี้’

“ก็มาทำงานน่ะสิ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่”

‘แต่ตอนนี้นายคุยกับฉันอยู่นะ?’

“ก็เพราะไม่มีลูกค้า…” จวงหว่านเกาหัวเราะ มองเข็มนาฬิกาที่ใกล้เลขหกไปทุกที “แล้วก็กำลังจะเลิกงานแล้ว”

‘…ทำงานทั้งคืนไม่เหนื่อยเหรอ’

“ไม่ได้พึ่งอยู่กะดึกครั้งแรกสักหน่อย เอาล่ะ ถึงเวลาเลิกงานแล้ว”

เห็นอีกฝ่ายทำหน้างง เขาก็ยิ้มบอกให้ออกไปรอนอกร้านอีกห้านาทีจะตามออกไป

ในที่สุดลูกค้าคนสุดท้ายก็ยอมออกไปนอกร้านแล้ว พนักงานจวงพยักหน้าให้กับคนเข้ากะเช้าที่เข้ามาผลัดเวร เปลี่ยนเครื่องแบบและหยิบข้าวของ ไม่นานก็เดินออกมาเห็นฟั่นถ่งที่กำลังยืนรออย่างกระวนกระวายอยู่

แสงอาทิตย์ของวันใหม่กำลังทอแสง ท้องฟ้าสีน้ำหมึกมืดมิดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและกลายเป็นสีส้มแดงในที่สุด นั่นเป็นภาพเลิกงานที่เห็นได้ทุกวัน เพียงแต่วันนี้พิเศษกว่านิดหน่อย

“ฟั่นถ่ง กินมื้อดึก… ไม่สิ ข้าวเช้าด้วยกันก่อนไหม”

‘เอาสิ’

ไหนๆ เป็นโอกาสพิเศษแล้ว ถ้าใช้เงินที่หามาช่วงนี้เลี้ยงข้าวอีกคนคงไม่แปลกเกินไปหรอกใช่ไหม

– เรื่องราวอีกมุม –

‘…ฉันไม่ได้มีแฟน แล้วก็ไม่ได้อยู่กับใครด้วย!’

โกหก เจ้ามีข้าอยู่แท้ๆ …

ฮุยซื่อ หุบปาก!

เนื่องจากจวงหว่านเกาพึ่งมาทำงานแถวนี้ ฟั่นถ่งจึงอาสาชวนอีกคนไปกินข้าวเช้าเป็นเต้าหู้เหม็นเจ้าประจำหน้าปากซอยแถวบ้าน สีหน้าของอีกฝ่ายดูแปลกไปนิดหน่อยเมื่อได้กลิ่นของเต้าหู้เหม็นที่ว่า เพราะแบบนั้นฟั่นถ่งจึงเสนอให้เปลี่ยนที่ ทว่าถ้วยฟูกลับดื้อรั้นกว่าที่เคย กลับพูดว่าแค่ไม่เคยกันมาก่อนเลยรู้สึกแปลก วันนี้ขอลองกินดูก็ได้

ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร ฟั่นถ่งเองก็ไม่เกรงใจ พอวิ่งไปวิ่งมาเข้าร้านสะดวกซื้อทั้งคืนจากที่ไม่ค่อยหิวก็ชักเริ่มหิวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน จะว่าไปบรรยากาศตอนนี้ก็กำลังดีมาก ริมถนนตอนเช้าไร้ผู้คนสัญจร อากาศก็กำลังเย็นสบาย ถ้าไม่มีเสียงผีในใจที่รบกวนมาทั้งคืนให้เผลอบีบตะเกียบแน่นไม่รู้ตัวละนะ

“ฟั่นถ่ง ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ”

ฉันโมโหเจ้าผีนี่ต่างหากไม่ได้ฝืนกินสักหน่อย ช่างเถอะ โมโหไปก็พูดอะไรออกไปไม่ได้

‘ไม่ชอบก็อย่าฝืนเลย’ ฟั่นถ่งที่กินส่วนของตัวเองเกลี้ยงพิมพ์บอก พอเห็นสีหน้าเหมือนเสียดายอาหารก็เลื่อนชามของอีกฝ่ายมา ‘นายกินนี่แทนเถอะ’

จวงหว่านเการับของในถุงร้านสะดวกซื้อมาอย่างงุนงง เมื่อมองเข้าไปก็เห็นบิสกิตที่ตัวเองชอบกับน้ำดื่มขวดหนึ่ง

‘….เห็นนายทำงานทั้งคืนเลยซื้อให้’

“ขอบคุณนะ”

ฟั่นถ่งไม่ตอบกลับคำพูดนั้นเพียงแต่มุดหน้าตัวเองเข้ากับเต้าหู้เหม็น ไม่ยอมรับสภาพว่าใบหูของตัวเองแดงก่ำ ขณะที่จวงหว่านเกาเริ่มกินบิสกิตคำเล็กๆ เหมือนสัตว์ตัวน้อย

เห็นไหมเจ้าต้องขอบคุณข้าแท้ๆ ผีในตัวไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ ฮุยซื่อรีบเอ่ยปากไม่หยุด ถ้าไม่มีข้าเจ้าคงไม่กล้าแม้แต่เข้าไปในร้านสะดวกซื้ออีกรอบ เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าให้เชื่อคำแนะนำของข้า พอกินเสร็จเจ้าก็รีบฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังซาบซึ้งขอวีแชทเสียเถอะ

น้ำเสียงโอ้อวดว่าตัวเองเป็นผู้มากประสบการณ์นี่มันบ้าอะไรกัน เพราะถูกนายก่อกวนแบบนี้ไงหัวถึงได้ยุ่งไปหมด ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่จะยอมหุบปากสักทีเนี่ย!

เจ้าบอกให้ข้าหุบปากๆ มาทั้งคืนแล้วแต่สุดท้ายก็เชื่อคำแนะนำของข้าอยู่ดีนี่นา แล้วอีกอย่างผลลัพธ์เองก็ออกมาดีด้วย ได้กินข้าวเช้าด้วยกันแบบนี้แสนจะโรแมนติก หรือว่าเจ้าไม่ชอบ?

มันไม่โรแม้นเพราะเสียงนายนี่แหละ จะบ้าตาย ถ้าหว่านเกาคิดว่าฉันหงุดหงิดเขานายจะรับผิดชอบไหวรึไง

ข้าย่อมรับผิดชอบแน่นอนอยู่แล้ว ยังไงทั้งชีวิตของข้าก็ผูกติดอยู่กับเจ้านี่นา…

หุบปาก

“ฟั่นถ่ง หน้าเลอะหมดแล้ว”

ฟั่นถ่งแทบสะดุ้งเมื่อเห็นใบหน้าจวงหว่านเกาในระยะประชิด ในตอนนั้นเหมือนสรรพสิ่งจะเงียบงันลงเหลือเพียงแต่เสียงในอกที่ดังเสียจนกลัวคนข้างหน้าจะได้ยิน… และในแวบหนึ่ง เขาเหมือนเห็นใบหน้าที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากนั้น

รู้ตัวอีกทีมื้ออาหารก็จบลงแล้ว

ฟั่นถ่งรู้ตัวขึ้นมาในทันใด ถ้าไม่ขอช่องทางติดต่อไว้ตอนนี้คืนนี้คงถูกผีในตัวก่อกวนให้เข้าร้านสะดวกซื้ออีกเป็นแน่

“คือว่า…!”

“ฟั่นถ่ง” จวงหว่านเกายื่นโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม “…ในงานรวมรุ่นพวกเราไม่ได้แลกช่องทางติดต่อกันไว้ ถ้ายังไงเรามาแลกวีแชทกันดีไหม?”

“แล้วจะทักไปหานะ”

ฟั่นถ่งเหม่อมองรอยยิ้มนั้นที่ดูแตกต่างไปจากทุกที เขาพยักหน้า ผีในตัวก็พยักหน้าด้วยเหมือนกัน ภายในใจคิดตรงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

นานๆ ทีออกมาหามื้อดึกในร้านสะดวกซื้อก็ดีเหมือนกันเนอะ

2 thoughts on “[OS TSM] [จวงฟั่น] ลูกค้ามื้อดึก

  1. กรี๊ด น่ารักมากเลยค่ะ แต่งได้คีพคาร์สุดๆ เหมือนเดิมเลย ชอบความเป็นพ่อสื่อของฮุยซื่อมาก ฟั่นก็แอบเขินได้น่ารักมากกก ส่วนหว่านเกา… หล่อค่ะ บ้าจิง แค่ขอแลกวีแชทก็หล่อแล้ว เขินไปกับฟั่นด้วยเลย ขอบคุณที่แต่งฟิคนี้ขึ้นมานะคะ ><

    1. ขอบคุณค่า! เม้นเมดมายเดย์มาก เสียดายอย่างเดียวบล็อกมันไม่แจ้งเตือน เห็นในกล่องอีเมล์ล้วนๆ เลยค่ะ แงๆ สนใจไปอ่านในเด็กดีหรือรีดไหมคะ หลังๆ เราว่าจะไม่ค่อยยุ่งกับบล็อกแล้วค่ะ…

      ผีในตัวอ่านเม้นแล้วยืดตัวแล้ว เนี่ย บอกแล้วเชื่อผีในตัวแล้วเจริญ ได้แฟน- ส่วนหว่านเกาขนาดไม่ใช้หน้าจริงก็หล่อได้ 555555 แค่กๆ คนที่ใช่มะต้องพยายาม!

Leave a comment